Valentine Day & White Day
วันแห่งความรักของชาวญี่ปุ่น

 

        วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น วันวาเลนไทน์ (バレンタイン Barentain) อย่างที่ทุกคนทราบกันดี แรกเริ่มเดิมทีถือว่าเป็นวันที่คนทุกคนจะมอบความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (อาจรวมไปถึงเพื่อนร่วมโลกที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย) แต่ปัจจุบันนี้ วันวาเลนไทน์ถูกตีความหมายของการมอบความรักให้แก่กันในเชิงคนรักมากกว่า เราจึงเห็นคู่รักหลายคู่เดินจูงมือเกี่ยวแขนไปฉลองกันในวันนี้ หรือหลาย ๆ คนก็อาจได้รับช็อกโกแลต รวมถึงของขวัญต่าง ๆ จากคนที่แอบชอบอยู่ ให้คนโสดที่มือเปล่ากลับบ้านทุกปีอิจฉาตาร้อนผ่าวกันเล่น แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นแหละ ! (นี่ก็ไม่รู้จะใส่อารมณ์ทำไมเหมือนกัน !)
 

 photo 01_zpsehk37xzp.jpg
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://tenki.jp/suppl/daaaaamegane/2018/02/14/27873.html
 

        หลายคนจะเข้าใจว่า วันวาเลนไทน์เป็นวันที่ชายหญิงจะมอบขนมหรือสิ่งของเพื่อสารภาพรักกับคนที่ตนเองชอบ แต่รู้หรือไม่ว่า วันวาเลนไทน์ของญี่ปุ่นแตกต่างไปจากนั้น เพราะเป็นวันที่ฝ่ายหญิงจะมอบช็อกโกแลตให้แก่ฝ่ายชาย ซึ่งการให้ช็อกโกแลตก็จะมี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ แบบฮมเมอิโชโกะ (本命チョコ Honmei Choko) เป็นการเรียกช็อกโกแลตที่ฝ่ายหญิงจะให้ฝ่ายชายที่ตนเองแอบชอบอยู่ รวมไปถึงภรรยาให้สามีด้วย ช็อกโกแลตที่ฝ่ายชายได้รับจะเป็นช็อกโกแลตราคาแพงอย่างดี หรือไม่ก็เป็นช็อกโกแลตที่ฝ่ายหญิงตั้งใจทำให้ และอีกแบบคือ แบบกิริโชโกะ (義理チョコ Giri Choko) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ช็อกโกแลตตามมารยาท ซึ่งเหล่าชายหนุ่มที่ได้รับช็อกโกแลตประเภทนี้ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มหัวหน้า รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อน และคนในครอบครัวนั่นเอง และด้วยความที่เป็นการให้ตามมารยาทเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีงาม ราคาของช็อกโกแลตที่มอบให้ก็จะราคาถูกลงมาหน่อย (ไม่ก็ราคาถูกลงมาเยอะเลยทีเดียว)
 

 photo 02_zpsgoa75l8v.jpg
ขอบคุณรูปภาพจาก - http://solife-a.com/25847.html
 

        หลังจากที่ฝ่ายหญิงมอบช็อกโกแลตเพื่อบอกความในใจกับฝ่ายชายไปแล้ว คราวนี้ก็ต้องมารอคำตอบกันอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 14 มีนาคม หรือวันที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า ไวท์เดย์ (ホワイトデー Howaito Dee) ซึ่งเป็นวันที่ฝ่ายชายจะต้องให้คำตอบฝ่ายหญิงที่มอบฮมเมอิโชโกะให้เมื่อวันวาเลนไทน์ (หนุ่มคนไหนที่ป๊อบปูล่าถูกสารภาพรักเยอะก็คงจะเครียด ๆ หน่อย เพราะต้องให้ของตอบแทนสาว ๆ ทุกคน แม้ตนจะปฏิเสธก็ตาม นี่แหละนะ กรรมของคนหน้าตาดี (?)) โดยวิธีการตอบของหนุ่ม ๆ ก็จะมี 2 แบบเช่นกัน คือ หากตนเองก็ชอบฝ่ายหญิงเหมือนกัน และตกลงปลงใจที่จะคบหาด้วย ก็จะให้ของขวัญที่มีราคามากกว่าที่ฝ่ายหญิงให้มาถึง 3 เท่า หรือเรียกว่า ซัมไบกาเอชิ (三倍返し Sanbai Gaeshi) ซึ่งก็จะมีทั้งแบบที่เป็นขนมหวาน ไวท์ช็อกโกแลต เครื่องประดับ รวมถึงการพาไปเลี้ยงข้าวด้วย แต่ถ้าหากต้องการจะปฏิเสธ ฝ่ายชายก็จะให้ของที่มีราคาเท่ากับที่ฝ่ายหญิงให้มา ซึ่งของที่นิยมให้ก็จะเป็นมาร์ชเมลโล่หรือคุกกี้นั่นเอง (งานนี้คง “ให้คุกกี้ทำนายกัน” ไม่ได้แล้วละนะ)
 

 photo 03_zpsevrvbjf5.jpg
ขอบคุณรูปภาพจาก - http://hitorigurashi-lab.com/love/2530
 

        ส่วนฝ่ายชายที่ได้รับกิริโชโกะก็ไม่ต้องกลัวน้อยหน้า เพราะต้องซื้อของมาตอบแทนฝ่ายหญิงที่ให้ช็อกโกแลตเหมือนกัน เมื่อให้ตามมารยาทมา ก็ต้องให้ตามมารยาทกลับ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเคยมีผลสำรวจออกมาว่า ผู้ชายญี่ปุ่นกว่า 90% ไม่ค่อยอยากจะได้รับกิริโชโกะกันสักเท่าไร เนื่องจากรู้อยู่แก่ใจว่าฝ่ายหญิงไม่ได้ให้เพราะความชอบพอ แถมยังต้องซื้อของตอบแทนให้อีกต่างหาก (ฟังดูน่าเศร้า) และที่สำคัญคือตนเองก็ไม่ได้ชอบขนมหวานอยู่แล้วด้วย
 

 photo 04_zpstfygs5zv.jpg
ขอบคุณรูปภาพจาก - https://ikedanaoya.com/events/post-1197/
 

        ได้รู้จักวันแห่งความรักสไตล์ชาวญี่ปุ่นกันไปแล้ว ทั้งสองวันที่ผ่านมานี้มีใครได้รับช็อกโกแลตกันหรือของขวัญกันบ้างหรือเปล่า หากใครที่มีคนรักแล้วก็อย่าลืมเติมความหวานให้กันทุกวันนะ แต่ถึงจะไม่ได้รับอะไรเลยก็อย่าน้อยใจไป ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขก็ถือเป็นการให้ของขวัญตนเองแล้ว และอย่าลืมแบ่งปันความรักไปให้คนรอบตัวด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นวันไหน ๆ ก็ถือว่าเป็นวันแห่งความรักได้ทุกวันเลยเนอะ

สุธินี เทียนกุล TPA Press